ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ กระทรวงมหาดไทย จำกัด เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 ซึ่งนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้นายชยาวุธ จันทร และ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมเป็นประธานการประชุมเพื่อแก้ไขปมปัญหาการยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ 36,366,496,45 บาท และการยกเลิกระเบียบสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงมหาดไทย จำกัด ว่าด้วยเงินบำเหน็จรายเดือนของพนักงานสหกรณ์ พ.ศ. 2561 ตามที่สมาชิกเรียกร้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2565 ก่อนที่คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯจะครบวาระ และมีการเปลี่ยนแปลงผู้ดำรงตำแหน่งระดับบริหารของกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ สมาชิกสหกรณ์ฯต้องการให้ยุติปัญหาโดยไม่ต้องให้ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยนำไปตั้งต้นพิจารณาใหม่ รวมทั้งจะทำให้สหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงมหาดไทย ต้องนำเงินสำรองบำเหน็จที่สหกรณ์ฯ จัดเก็บไว้ในแต่ละปีและจัดตั้งเป็นกองทุนมาจ่ายให้กับพนักงานสหกรณ์ฯ นอกเหนือจากที่พนักงานสหกรณ์ฯจะได้รับเงินจากสวัสดิการประกันสังคม ไปไว้ที่กองทุนบำเหน็จเพิ่มขึ้นอีกปีละ 200,000 บาท ซึ่งสมาชิกฯเห็นว่าระเบียบดังกล่าวขาดความสมบูรณ์ชัดเจน อาจจะนำไปสู่การดำเนินการเบิกจ่ายเงินกองทุน การนำส่งเงินเข้ากองทุนที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใสและอาจเกิดการทุจริตเชิงนโยบายจากการปฏิบัติโดยมิชอบ
แหล่งข่าวจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการสหกรณ์เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมได้สั่งการให้กรรมการสหกรณ์ฯเรียกพนักงานสหกรณ์ทั้ง 7 รายที่เกษียณและรับบำเหน็จรายเดือนไปแล้วเข้าพบเพื่อเจรจาหาขอยุติในการยกเลิกระเบียบสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงมหาดไทย จำกัด ว่าด้วยเงินบำเหน็จรายเดือนของพนักงานสหกรณ์ พ.ศ.2561 และทราบว่าหนึ่งในพนักงาน 7 รายได้ต่อรองให้สหกรณ์ฯจ่ายเงินบำเหน็จก้อนเพิ่มให้อีก จากบำเหน็จรายเดือนที่เคยได้รับมาแล้ว ซึ่งสมาชิกเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการเรียกร้องที่ไม่เป็นธรรมแก่สมาชิกฯทุกคน
นอกจากนั้น สมาชิกสหกรณ์ฯเห็นว่าจะส่งผลให้สหกรณ์ฯและสมาชิกเสียประโยชน์ ส่วนใหญ่จึงเห็นตรงกันว่าจะต้องเร่งรัดดำเนินการยกเลิกระเบียบดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ประกอบกับปัจจุบันการทุจริตยักยอกเงินกว่า 36 ล้านก็ยังไม่ได้มีการคลี่คลาย ให้กระจ่าง รวมทั้งไม่มีผลการพิจารณาลงโทษแก่ผู้บริหารสหกรณ์ฯที่รับผิดชอบกำกับควบคุมดูแล บริหารงานเงินของสมาชิกสหกรณ์ฯในขณะนั้น เพราะทำการประมาทเลินเล่อ ปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจต่อการทุจริตยักยอกเงินของสหกรณ์ฯตลอดระยะเวลา 5 ปี
อย่างไรก็ตาม สมาชิกยังทราบว่าสหกรณ์ฯได้นำเงินของสมาชิกมาตั้งเป็นเงินสำรองเผื่อค่าหนี้สูญตั้งแต่ปี 2561-2565 ไว้เป็นจำนวนเงินปีละ 7,273,299.69 ล้านบาท และนำมาจ่ายหนี้ที่เกิดขึ้นจากการทุจริตดังกล่าวไปสิ้นแล้ว สรุปว่าเงินของสมาชิกฯได้สูญไปแล้วกว่า 70 ล้านบาท ดังนั้นเพื่อให้ปัญหาเรื่องนี้ยุติโดยเร็วสมาชิกสหกรณ์ฯจำนวนหนึ่งเตรียมทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยอีกครั้งเพื่อให้เร่งแก้ 2 ปัญหาใหญ่ที่คาราคาซังอยู่ให้แล้วเสร็จก่อนการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 นี้