พช. ชู “โครงการตลาดอะเมซิ่ง ของกินของใช้” เสริมศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP ขายออนไลน์ จับมือ Shopee หนุนผู้ประกอบการเข้าร่วมต่อเนื่อง 4 แคมเปญ กว่า 1,000 ร้านค้า พลิกฟื้นฝ่าวิกฤต เดินหน้าพัฒนาช่องทางการตลาด สร้างงาน สร้างรายได้

พช. ชู “โครงการตลาดอะเมซิ่ง ของกินของใช้” เสริมศักยภาพผู้ประกอบการ OTOP ขายออนไลน์ จับมือ Shopee หนุนผู้ประกอบการเข้าร่วมต่อเนื่อง 4 แคมเปญ กว่า 1,000 ร้านค้า พลิกฟื้นฝ่าวิกฤต เดินหน้าพัฒนาช่องทางการตลาด สร้างงาน สร้างรายได้
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย แถลงความสำเร็จ “โครงการยกระดับผู้ประกอบการรายย่อย (MSME Step up) ปีงบประมาณ 2565” มีผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายกว่า 400 รายจากทั่วประเทศ บรรลุตามแผนการส่งเสริมและยกระดับผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจในยุค NEW NORMAL และ NEXT NORMAL สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ เพื่อกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน นายวีระพงศ์
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีรูปแบบการทำธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นหลากหลายและรวดเร็ว วิถีชีวิตใหม่ที่ทำให้สังคม เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ มีการเปลี่ยนแปลงไป ทำให้ธุรกิจดั้งเดิมหลายประเภทต้องปรับตัว โดยสสว. ได้ร่วมกับ หอการค้าไทย จัดโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่เข้าสู่ธุรกิจอนาคต Next Normal ซึ่งได้จัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการ Innovation-Driven Entrepreneurs (IDE) จากที่ปรึกษาเพื่อให้คำแนะนำการพัฒนาและยกระดับธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้จริง รวมถึงสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ที่จะผลักดันสินค้าและบริการสู่ธุรกิจ
น.ส.สรัลภัค จิรโรจน์วัฒน ผู้ประกอบการร้าน B-Smile เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่เข้าร่วมโครงการสิทธิประโยชน์กับ สสว. เพราะมีโอกาสได้เข้าร่วมแคมเปญ SME Hybrid Fair ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการประชาสัมพันธ์ของโครงการ ขอขอบคุณ สสว. ที่จัดทำโครงการดีๆ แบบนี้ขึ้น โดยสิ่งที่ชอบมากคือการจ้าง Influencer มาช่วยในการประชาสัมพันธ์ขายสินค้าในโครงการ เน้นที่ตัวผลิตภัณฑ์ของแต่ละร้าน ตั้งแต่ร้านเล็ก ไปจนถึงร้านใหญ่ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้แต่ละร้านมียอดขายเพิ่มขึ้น ด้าน น.ส.ภัทรกาญจน์
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า การระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย มีผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจำนวนมาก การปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ และการเข้าสู่ระบบของภาครัฐ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ สสว. สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ประกอบการ และดำเนินการส่งเสริมผู้ประกอบการได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว รวมทั้งเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในยุคนิวนอร์มอลและเน็กซ์นอร์มอล โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องอาศัยเงินหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง สสว. ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการส่งเสริมพัฒนาและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ MSME ทั้งนี้ จึงได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า กระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยี และโรคระบาดโควิด 19 ทำให้เกิดรูปแบบการทำธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น รวมทั้งเรื่องวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ทำให้สังคม เทคโนโลยี ไลฟ์สไตล์ มีการเปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ ปัจจุบันนี้ ธุรกิจดั้งเดิมหลายประเภทจึงต้องปรับตัวจากการมีหน้าร้านไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ปรับเปลี่ยนสินค้าโดยเพิ่มเทคโนโลยี ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจจำต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทางความคิด พัฒนาทักษะใหม่ นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต และบริการแบบเดิมให้มากขึ้น หรือ