เมื่อวันที่ 14 กันยายน ที่ห้องประชุมศรีโคตรบูรณ์ มหาวิทยาลัยนครพนม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธาน สภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายก อบจ.นครพนม รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่น และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ตลอดจนผู้บริหาร สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 7 และเขต 8 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม 11 จังหวัด พร้อม ตัวแทน อสม. จากพื้นที่ภาคอีสาน ร่วมประชุมวิชาการเสริมสร้างสุขภาพ อสม.ในชื่อ หมอคนที่ 1 ที่พึ่งชุมชน คนรักษ์สุขภาพ ภาพตะวันออกเฉียงเหนือ เขตสุขภาพที่ 7 และ 8 เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพ สร้างขวัญกำลังใจแก่ อสม. ให้มีความรู้ความสามารถ ในการดูแลสุขภาพชุมชน และสร้างความร่วมมือกับ สถานพยาบาลในพื้นที่ ในการตรวจสอบคัดกรองดูแลสุขภาพประชาชน เบื้องต้น จนได้ชื่อว่าหมอคนที่ 1 ก่อนที่จะส่งไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และโรงพยาบาลระดับ อำเภอ ระดับ จังหวัด โดยที่ผ่านมา ถือว่า อสม.เป็นกำลังสำคัญ ในการสู้ภัยโควิด จนประเทศไทย ได้มีการประกาศให้โรคโควิด เป็นโรคเฝ้าระวัง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หลังเปิดการประชุมสัมมนาและประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการดูแลสุขภาพชุมชน บรรดาผู้บริหารในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงบรรดาพี่น้อง อสม. นำเค้กวันเกิดมาร่วมอวยพรให้นายอนุทิน เนื่องในวันคล้ายวันเกิด เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ครบรอบ 56 ปี พร้อมร้องเพลง แฮปปี้เบิร์ดเดย์ และอวยพรขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป โดยมีบรรดาเจ้าหน้าที่ และตัวแทน อสม.ภาคอีสาน เข้าร่วมกว่า 1,000 คน
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า วันนี้ตนนำร่องพื้นที่ จ.นครพนม ในการลงพื้นที่ภาคอีสานพบปะให้กำลังใจ มอบนโยบายแก่ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้บริหารสถานพยาบาล ทุกระดับ รวมถึงพี่น้อง อสม. ในพื้นที่ เขตสุขภาพ ที่ 7 และ 8 รวม 11 จังหวัด เพื่อทำความเข้าใจ ให้กำลังใจ ในการทำงานของ อสม. ถือเป็นบุคลากรด่านหน้า และให้นามว่า หมอคนที่ 1 ที่ทำการตรวจคัดกรองผู้ป่วยในชุมชน ก่อนที่จะส่งไปรักษาต่อที่สถานพยาบาล ต่างๆ โดยในช่วงการระบาดของโรคโควิด

อย่างไรก็ตาม อสม.ถือเป็นกำลังสำคัญในการดูแลสกัดกั้นการแพร่ระบาด เป็นบุคลากรด่านหน้า จนทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับ ในมาตรฐานการดูแลสุขภาพ และสามารถควบคุมโรคโควิดเป็นโรคเฝ้าระวัง ในปัจจุบัน สำคัญที่สุดในเรื่องค่าตอบแทน ตนได้วางนโยบายในการช่วยเหลือพี่น้อง อสม. จากเดิมรับค่าตอบแทน เดือนละ 1,000 บาท เพิ่มเป็น 2,000 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอรัฐบาลเพื่อจัดสรรงบประมาณ เป็นค่าตอบแทน ให้กับ อสม. ที่ทำงานเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง คาดว่าจะสามารถจัดสรรงบประมาณได้ภายในเร็วๆ นี้ รวมถึง การวางแนวทางรับทราบปัญหา รวมถึงจัดสรรงบประมาณ พัฒนาเพิ่มศักยภาพของสถานพยาบาลทุกแห่ง ให้สามารถรองรับการบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง โดยจะลงพื้นที่พบปะ อสม.ทุกภาคอีสาน ซึ่งการลงพื้นที่ไม่มีนัยทางการเมืองและปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงการนั่งนายกฯในอนาคต
นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังได้ฝากชื่นชมเป็นกำลังใจให้ กรณี ดาราพระเอกหนุ่มชื่อดัง โตโน่ ภาคิน จะมาจัดกิจกรรมว่ายน้ำเพื่อการกุศล สมทบทุนช่วยโรงพยาบาล และขอเป็นกำลังใจให้ พร้อมจะวางแนวทางช่วยเหลือในการสนับสนุนงบประมาณ อีกทั้งยังพูดติดตลกว่า หากยังหนุ่มกว่านี้ จะขอว่ายน้ำข้ามโขงร่วมกับดาราหนุ่มโตโน่ แต่อายุปูนนี้คงไม่ไหว
