บุกรวบสาววัย 46 ปียักยอกถ่ายโอนเงินอดีตพนง.แบงก์ที่เพิ่งตาย 15 ล้าน

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม รอง ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก ร่วมกันแถลงข่าวกรณีนายปฏิวัติ ไทยสม อายุ 31 ปี ชาว จ.พิษณุโลก บุตรชายของผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นผู้เสียหาย และเป็นอดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง อายุ 56 ปี ได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ ผู้ต้องอายุ 46 ปี ชาว จ.พิษณุโลก ในความผิดได้ลักโทรศัพท์มือถือของบิดาที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา เพื่อใช้เข้าถึงข้อมูลและทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแอปพลิเคชั่นโอนเงินจากบัญชีธนาคารของผู้เสียชีวิตเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาไปโดยทุจริต รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15,790,000 บาท

ทั้งนี้ เงินดังกล่าวเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายของผู้เสียชีวิต คดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนเป็นอย่างมาก จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทำความผิด และติดตามทรัพย์สินคืนให้ผู้เสียหายโดยเร็ว จนสืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาพักอยู่ที่บ้านเลขที่ 100/89 หมู่ที่ 6 ต.วัดจันทร์ อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก จึงได้ยื่นขออนุมัติหมายค้นต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก พร้อมเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพิษณุโลก ที่ 319/2565 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2565

ผลการตรวจค้นบ้านดังกล่าวพบของกลาง เงินสด จำนวน 2,329,000 บาท ทองคำแท่ง น้ำหนัก 10 บาท มูลค่า 299,500 บาท รถยนต์ยี่ห้อเชฟโลเลทรุ่นอ็อบตร้า สีเทา ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียชีวิต โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก 6 เล่มสำเนาเอกสารและทรัพย์สินอื่น ๆ อีกจำนวนหลายรายการ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และวันที่ 2 ก.ย.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนขยายผลจนรู้ที่ซ่อนของเงินสดส่วนที่เหลือและสามารถติดตาม ยึดเงินสดคืนได้ทั้งหมดจำนวน 12,000,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหานำไปซุกซ่อนในกระเป๋าเดินในทางช่องเก็บยางอะไหล่หลังรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สี จอดอยู่ภายในบ้านเลขที่ 80/154 ถนนประชาอุทิศ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เบื้องต้นจากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหา ได้รู้จักกับผู้เสียชีวิตและทำหน้าที่ดูแลขณะที่ผู้เสียชีวิตเข้ารับการรักษาตัวอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วย ต.พลายชุมพล อ.เมืองพิษณุโลก จนกระทั่งมาเสียชีวิต และผู้ต้องหาได้ใช้โทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิต โดยทราบรหัสผ่านเข้าแอปพลิเคชั่นของธนาคาร โอนเงินจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย แล้วโอนเข้ามาบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา ตั้งแต่วันที่ 9-16 สงค. จำนวน 17 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 15,790,000 บาท

จากนั้น ผู้ต้องหาได้นำสมุดบัญชีเงินฝากดังกล่าว มาถอนเงินที่ธนาคารวันที่ 21 ส.ค. จำนวน 3,000,000 บาท และวันที่ 24 ส.ค.อีก 12,732,654 บาท รวมเป็นจำนวน 15,732,654 บาท จากนั้นได้นำเงินจำนวนหนึ่งซื้อทองคำแท่ง และเงินสดส่วนที่เหลือนำมาซุกซ่อนภายในบ้านและรถยนต์ข้างต้น อีกทั้งผู้ต้องหาได้จ่ายเงินในการว่าจ้างทนายความ กรณีที่ต้องถูกดำเนินคดี เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหาได้ให้การภาคเสธว่า ได้กระทำไปตามคำสั่งของผู้เสียชีวิต แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อและมีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีผู้ต้องหาในความผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 7 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่แถลงข่าว ทางญาติและครอบครัวของผู้เสียหายได้นำช่อดอกไม้มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแสดงความขอบคุณ ที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาคืนให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตได้ และไม่เชื่อว่าผู้เสียชีวิตจะให้ทรัพย์สินกับผู้ต้องหาเพราะความเสน่หาอย่างแน่นอน เนื่องจากเพิ่งมาดูแลได้เพียงไม่นาน ขอให้ตำรวจคัดค้านการประกันตัวและดำเนินคดีให้ถึงที่สุดอีกด้วย

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s