เมื่อวันที่ 3 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ในช่วงนี้สถานการณ์น้ำโขงยังเฝ้าระวังต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ระดับ ประมาณ 8 เมตร ห่างจากจุดวิกฤติล้นตลิ่ง ประมาณ 4 เมตร คือ ที่ระดับ 12 เมตร ส่งผลให้ลำน้ำสาขาสายหลัก คือ ลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม ที่ไหลผ่านพื้นที่ อ.นาหว้า อ.ศรีสงคราม และ อ.ท่าอุเทน ก่อนไหลระบายลงสู่แม่น้ำโขง เริ่มได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะพื้นที่ อ.ศรีสงคราม เป็นจุดรับน้ำระหว่าง ลำน้ำอูน ไหลมาสมทบ ลำน้ำสงคราม ก่อนที่จะไหลระบายลงสู่น้ำโขง

ทั้งนี้ ล่าสุดมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาไหลระบายลงน้ำโขงช้า ทำให้ลำน้ำอูน ลำน้ำสงคราม มีปริมาณล้นตลิ่ง เกินความจุประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ จากสามารถเก็บกักได้ประมาณ 7.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งให้น้ำเอ่อท่วมพื้นที่ลุ่ม ที่ชาวบ้านใช้ทำนาปรังในฤดูแล้ง กว่า 3,000 – 4,000 ไร่ และมีข้าวนาปี ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง ประมาณ 400 -500 ไร่ หากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีกในสัปดาห์นี้คาดว่าจะได้รับความเสียหายบางส่วน
นอกจากนี้ ยังมีบ้านเรือนที่อาศัยติดลำน้ำสงคราม ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ประมาณ 20 หลังคาเรือน ทางด้าน นายธวัช พรมโสภา นายอำเภอศรีสงคราม จ.นครพนม ได้ประสานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่เสี่ยง 9 ตำบล เฝ้าระวังแจ้งเตือนชาวบ้านเก็บสิ่งของขึ้นที่สูง ย้ายสัตว์เลี้ยงการเกษตร ไปไว้ในที่ปลอดภัย และสต็อกอาหารสัตว์เลี้ยง หากมีน้ำท่วมฉับพลันจะได้ไม่เกิดความเสียหาย

ด้าน นายสิทธิกร สมบูรณ์พร้อม ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายอำเภอศรีสงคราม ระดมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบต่อเนื่อง ในพื้นที่เสี่ยง ที่ได้รับผลกระทบจาก ลำน้ำอูน ลำน้ำสงครามล้นตลิ่ง เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักต่อเนื่อง รวมถึงระดับน้ำโขงสูง ทำให้หนุนลำน้ำสาขาล้นตลิ่ง ส่งผลกระทบชาวบ้าน บางพื้นที่ ในพื้นที่ ต.ท่าบ่อสงคราม ที่ปลูกบ้านเรือนติดกับลำน้ำสงคราม เกิดน้ำท่วมขัง
อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดนครพนม ร่วมกับ ปภ.จังหวัด ทางอำเภอ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบช่วยเหลือเบื้องต้น ในส่วนของพื้นที่การเกษตร ตรวจสอบเบื้องต้นมีพื้นที่ลุ่ม ถูกน้ำท่วมขังประมาณ 3,000 – 4,000 ไร่ แต่เป็นพื้นที่เกษตรกรใช้ทำนาปรังช่วงฤดูแล้ง มีเพียงพื้นที่นาปี ประมาณ 400 -500 ไร่ ได้รับผลกระทบ แต่หากระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง คาดว่าจะได้รับความเสียหายบางส่วน ทั้งนี้ได้ประสานกับหน่วยงานเกษตร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ท้องถิ่น สำรวจความเสียหาย อย่างไรก็ตามแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ 9 ตำบล เฝ้าระวังต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง เก็บสิ่งของขึ้นที่สูง รวมถึงจัดพื้นที่เคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงการเกษตรไว้ที่สูง โดยทางอำเภอศรีสงคราม มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเฝ้าระวังให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง คาดว่าหากไม่มีฝนตกมาซ้ำอีกสถานการณ์จะดีขึ้น