เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2565 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยืนหนังสือรายชื่อพยานเพิ่มเติมกรณีการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อประกอบคำวินิจฉัยโดยมี นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับหนังสือแทน หลังศาลรัฐธรรมนูญเรียก นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการ กรธ. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านได้หารือกัน และมีมติเห็นว่าพยานบุคคลทั้ง 2 ท่าน ยังไม่พอเพียงกับการสร้างดุลยภาพของการพิจารณาคดี จึงขอเสนอส่งรายชื่อพยานบุคคล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมให้ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา เนื่องจากขณะนี้พบว่าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้นัดไต่สวนพยาน เพียงแต่ทำบันทึกเป็นคำถามส่งให้นายมีชัย และนายปกรณ์ตอบ แล้วส่งกลับไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเปลี่ยนวิธีการเป็นการส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมผ่านประธานสภา ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
สำหรับเอกสารหลักฐาน ประกอบด้วย ความเห็นของนักวิชาการด้านนิติศาสตร์ทั้ง 51 ท่าน ที่แสดงควมคิดเห็นต่อสังคม เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่มา พร้อมแผ่นดีวีดีบันทึกภาพและเสียง สัมภาษณ์พิเศษ นายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย และ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา และอดีตกรรมการ ป.ป.ช. ต่อประเด็นการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี เพื่อยืนยันความเห็นของฝ่ายค้านว่า พล.อ.ประยุทธ์พ้นวาระการดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมาแล้ว
“เรื่องนี้เป็นคดีทางการเมือง และข้อกฎหมายเป็นการเฉพาะ ข้อเท็จจริงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์กัน เพราะชัดแจ้งอยู่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเกิน 8 ปี ติดต่อกัน ทั้งนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นการก้าวล่วงอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เพราะข้อเท็จจริงได้ปรากฏต่อสาธารณะไปแล้ว” นพ.ชลน่าน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อมั่นว่าหลักฐานเพิ่มเติมของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เป็นหลักฐานที่มีเหตุผลชัดเจนในเจตนารมณ์ และหนักแน่นเพียงพอให้ศาลรัฐธรรมนูญนำประเด็นไปสู่การพิจารณาได้