ล่าระทึก!2คู่หูค้ายาเสพติดหนีตร.ลงน้ำหลวงพี่จิตอาสานักกู้ภัยเสี่ยงชีวิตช่วยค้นหาจนเจอ

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่หมู่ 3 ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ไล่ล่า 2 คู่หูผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ มีประวัติพัวพันยาเสพติดรายใหญ่และยังมีอาวุธปืนติดตัว โดยทั้งคู่ใช้รถยนต์เก๋งฮอนด้าซีวิค สีดำ ทะเบียนนครศรีธรรมราชเป็นพาหนะ ด้านเจ้าหน้าที่ใช้รถยนต์ออกติดตาม 

กระทั่งเจ้าหน้าที่ติดตามจนพบและไล่สกัดเพื่อคุมตัว ปรากฏว่า คนร้ายได้ต่อสู้ ใช้อาวุธปืนยิงออกมาหลายนัด และขับรถชนรถเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะเสียหลักพุ่งลงไปในคูข้างทาง ก่อนเจ้าหน้าที่จะจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 1 คน แต่อีกคนที่รู้จักในชื่อเล่นคือ “นายนัด” ได้หนีออกจากตัวรถแล้วหลบซ่อนตัวในพงหญ้านานกว่า 3 ชม.จมตัวเองอยู่ในน้ำโผล่เพียงจมูกแบบแนบเนียนไม่มีการเคลื่อนไหว เจ้าหน้าที่จึงขอรถแสงสว่างจากหน่วยกู้ภัยเข้าสนับสนุน 

ขณะเจ้าหน้าที่ปิดล้อมป่าละเมาะในคูระบายน้ำริมถนน มีพระครูสมุห์พิสิทธิอนาลโย เจ้าอาวาสวัดคงคาเลียบ พระนักกู้ภัยจิตอาสา ได้เข้าร่วมในการค้นหานายนัดที่คาดว่าซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าแช่อยู่ในน้ำ ปรากฏว่าเห็นนายนัด ซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่บังคับให้ออกมามอบตัว และสามารถจับกุมได้อย่างทุลักทุเลในสภาพหนาวสั่นเนื่องจากแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไปทำการสอบสวนขยายผลต่อไป 

สำหรับในรถยนต์เก๋งคันที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 ใช้เป็นพาหนะในการหลบหนีนั้น เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้น เบื้องต้นพบว่ามีอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และยาเสพติดจำนวนหนึ่งทั้งหมดอยู่ในระหว่างการสอบสวนขยายผลถึงขบวนการที่เกี่ยวข้อง และจะมีการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกอีกครั้ง

พระครูสมุห์พิสิทธิอนาลโย พระนักกู้ภัยจิตอาสา ที่เสี่ยงชีวิตช่วยเจ้าหน้าที่ กล่าวว่า คนร้ายซ่อนตัวอยู่ในน้ำที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้า ตอนแรกคิดว่าผู้ต้องหาเสียชีวิตจมอยู่ใต้รถจึงลงไปค้นหา ครั้งแรกไม่เจอ พอขึ้นฝั่งได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของคนร้ายดังขึ้น จึงลงไปหาอีกและพบเจออยู่ริมตลิ่ง จึงส่องไฟและเรียกชื่อนายนัด ถึง 3 ครั้ง เห็นน้ำกระเพื่อมห่างกับตนประมาณ 5 เมตร จึงบอกว่าให้ยอมมอบตัว ก่อนผู้ต้องหาโผล่หัวจากน้ำ

ทั้งนี้ ตอนแรกไม่รู้ว่าผู้ต้องหามีอาวุธปืนหรือไม่ จึงได้หลบวิถีกระสุนหากผู้ต้องหามีปืนและยิงออกมา แล้วรีบขึ้นตลิ่งพร้อมส่งซิกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเจอตัวแล้วอยู่ห่างจากตนประมาณ 5 เมตร ก่อนผู้ต้องหาจะโผล่ศีรษะขั้นมา ตนเองจึงรีบขึ้นฝั่ง ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าทำการจับกุมในที่สุด จริงๆ แล้วได้ลงไปหาโทรศัพท์ของผู้ต้องหาที่มีสายเรียกเข้า กระทั่งเจอตัวมุดซ่อนอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานดังกล่าว